พระครูรังสีโศภน
ประวัติพระครูรังสีโศภน
พระครูรังสีโศภน เจ้าอาวาสวัดหารเทา อดีตเจ้าคณะอำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง
เป็นพระเถระนักพัฒนาท่านหนึ่งในภาคใต้ ท่านมีความสามารถหลายอย่าง
ทั้งเป็นธรรมกถึกที่มีลีลาวาทศิลป์และโวหาร ปฏิภาณในการแสดงที่เป็นเลิศ จัดเป็นพระนักเทศน์ ในระดับแนวหน้าทีเดียว มีความขยันอดทนและเสียสละ ทางด้านช่าง
ฝีมือก็ทำได้ไม่แพ้ช่างระดับกรรมาชีพ
ระยะเวลา ๕0 ปีกว่าที่ผ่านมา
ท่านได้ทำการพัฒนาคนและสถานที่ให้ทันยุคทันสมัยมาตลอด จนมีผลงานมากมายนับไม่ถ้วน ดังที่ปรากฏให้เห็นอยู่ทุกวันนี้
นามเดิม
รื่น จุลรัตน์ เกิดวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ หลัง ปีชวด วันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๕
ที่บ้านหมู่ที่ ๔ ตำบล ฝาละมี
อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง นามบิดา
นายบัว จุลรัตน์ นามมารดา
นางเลี่ยน จุลรัตน์
การศึกษาเบื้องต้น
ได้เข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนวัดควนฝาละมี จบชั้นประถมศึกษาบริบูรณ์ปี พ.ศ.
๒๔๖๖
บรรพชา
เมื่ออายุ ๑๙ ปี บรรพชาเป็นสามเณร วันที่ ๓
มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๓
โดยมีพระครูวัตตานุกูล
เจ้าอาวาสวัดควนฝาละมี
เป็นพระอุปัชฌาย์ ณ วัดควนฝาละมี ด้วยเหตุที่ท่านมีอุปนิสัยเฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง
จึงสามารถเรียนท่องจำจำบทสวดมนต์ได้หมดทุกบททุกสูตร ตลอดถึงภาณยักษ์ในปีนั้นเอง
อุปสมบท
อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่ออายุ ๒0 ปี วันที่ ๒0 มกราคม พ.ศ.๒๔๗๔
ณ พัทธสีมาวัดควนฝาละมี
โดยมีพระครูวัตตานุกูล เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูศรัทธานุรักษ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
ระดับการศึกษา และในปีนั้น
ได้เข้าศึกษาปริยัติธรรม ที่สำนัก วัดรัตนาราม ตำบลปากพะยูน
โดยการเดินเท้าไปเช้าเย็นกลับ
ระยะทาง ๗ กิโลเมตร สอบนักธรรมชั้นตรีได้ พ.ศ.๒๔๗๕
เมื่อสอบนักธรรมชั้นตรีได้แล้ว
ก็ได้พิจารณาถึงความลำบากของพระภิกษุสามเณรของวัดควนฝาละมีที่ต้องเดินทางไปเรียนที่วัดรัตนารามไปเช้ากลับเย็น
๗ กิโลเมตร ถนนสายหารเทา-ปากพะยูน ไม่มีพาหนะ
ต้องเดินบุกน้ำข้ามคลองผ่านท้องทุ่ง บางแห่งเป็นโคลน ทั้งนี้ได้ประสบกับตัวเองมาแล้ว
ด้วยความตั้งใจที่จะช่วยเหลือพระภิกษุสามเณรผู้มีจิตศรัทธาจะศึกษาธรรมวินัย
จึงได้ขออนุมัติจากท่านพระอุปัชฌาย์เปิดโรงเรียนสอนปริยัติธรรมขึ้นที่วัด
เมื่อได้รับอนุมัติก็ได้จัดทำโต๊ะ ม้านั่ง ซื้อหนังสือตำราเรียน สมุดปากกา
เครื่องเขียน เท่าที่จำเป็น เพื่อให้ความสะดวกแก่ภิกษุสามเณร
และได้เปิดเรียนในพรรษานั้น มีพระนักเรียน ๗ รูป สอบได้ ๕ รูป ตกไป ๒ รูป
และตนเองก็ได้สอบนักธรรมชั้นโทได้ด้วย เลยทำการสนเรื่อยมา
พร้อมทั้งได้พยายามฝึกฝนในการเทศน์ โดยดูแบบอย่างแนวทางในหนังสือคู่มือธรรมกถึก
และได้รับนิมนต์ไปบรรยายธรรมหรือเทศน์ในที่ต่างๆ
บางครั้งก็ออกไปอบรมประชาชนพร้อมด้วยทางราชการจนมีความชำนาญและสำนานโวหารในการเทศน์ที่ยอดเยี่ยมอันเป็นที่ยอมรับของผู้ฟังตลอดถึงปัจจุบัน
และได้รับมอบจากหัวหน้าคณะธรรมทูตสายที่ ๙ แต่ต่อมาก็ได้ลาหยุดมาหลายปี
เพราะสุขภาพไม่อำนวย
พ.ศ.๒๔๗๖ หยุดการเรียน เนื่องจากการป่วย
พ.ศ.๒๔๗๗
สอบนักธรรมชั้นเอกได้
การปกครอง
พระที่มีพรรษามากได้ลาสิกขาบทไป
ก็ได้รับมอบอำนาจจากพระอุปัชฌาย์ ให้ทำหน้าที่ควบคุม ดูแล ตักเตือน
พระภิกษุสามเณรผู้บวชใหม่ ให้เป็นไปด้วยดี ได้ช่วยท่านพระอุปัชฌาย์ทำงานด้านเลขานุการโดยที่ท่านดำรงอยู่ในตำแหน่งเจ้าคณะตำบลตลอดมา
พ.ศ.๒๔๘๒ ได้ลาพระอุปัชฌาย์ ไปจำพรรษาที่วัดโพธิปฐมาวาส
ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
เพื่อศึกษาความรู้เกี่ยวกับภาษาบาลีและประสบการณ์
จนได้คุ้นเคยสนิทสนมกับพระนักเทศน์ที่เก่งๆ หลายท่านด้วยกันเช่น พระธรรมโกศาจารย์
(ท่านปัญญานันทะ) เป็นต้น และได้แสดงธรรมคู่กันเป็นประจำ
ได้ศึกษาภาษาบาลีจนได้ฝึกหัดแปลพระธรรมบทปทัตถกถา แต่ยังไม่ทันได้เข้าสอบ
พ.ศ.๒๔๘๓ ได้กลับมาอยู่จำพรรษาที่วัดควนฝาละมีอีกครั้ง
เนื่องจากท่านพระครูวัตตานุกูล
พระอุปัชฌาย์ได้เกิดอาพาธด้วยโรคชราได้ช่วยเหลือดูแลรักษาพยาบาลอยู่เป็นเวลาหลายเดือน
จนท่านพระอุปัชฌาย์ได้ถึงแก่มรณะภาพ
ตั้งใจไว้ว่า เมื่อเสร็จงานศพท่านพระอุปัชฌาย์แล้ว
จะกลับไปศึกษาภาษาบาลีสอบมหาเปรียญให้ได้
แต่ด้วยความเป็นห่วงเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
จึงได้อยู่ช่วยเหลือในด้านการศึกษาและพัฒนาวัด โดยส่วนตัวได้สร้างกุฏิถวายสงฆ์ ๑
หลัง เป็นอาคารไม้ ๒ ชั้น ขนาดยาว ๑0 เมตร กว้าง ๖ เมตร มีหน้ามุข ๑ หลัง
พ.ศ.๒๔๙๑ พระครูคณิศรานุวัตร เจ้าอาวาสวัดหารเทา
อดีตเจ้าคณะอำเภอปากพะยูนได้ลาสิกขาบททำให้วัดขาดผู้นำประชาชนชาวหารเทาประกอบด้วย
กำนันผอม ศรีอนันท์ กำนันตำบล ฝาละมี สมัยนั้น,นายเคล้า
ราชมาก,นายแสง เกิดแสงสุริยงค์
พร้อมด้วยพุทธบริษัทวัดหารเทา
ไปขอนิมนต์ท่านให้ช่วยอยู่ที่วัดหารเทาเป็นการชั่วคราว
จนกว่าจะได้เจ้าอาวาสองค์ใหม่ก็ได้อยู่ที่วัดหารเทาตามนิมนต์ วันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๙๑
ถึงปีพ.ศ.๒๔๙๒
ก็ยังหาพระที่มาเป็นเจ้าอาวาสยังไม่ได้ จึงจำเป็นต้องจำพรรษาที่วัดหารเทาต่อไป
พร้อมกันนั้นก็ได้ทำการพัฒาวัดซ่อมแซมเสนาที่ชำรุดเพราะพื้นที่วัดส่วนใหญ่เป็นที่ลุ่มน้ำขังและเป็นดงหญ้า
ส่วนสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ก็พอใช้การได้แต่ไม่ดีเท่าที่ควร มีอุโบสถเป็นอาคารไม้
แต่ไม่มีฝากั้น ศาลาเปรียญอาคารไม้ยกพื้นใต้ถุนต่ำ
และกุฏิที่อดีตเจ้าอาวาสเคยอยู่อาศัย มีสภาพเก่ามากแต่ใช้การได้
ก็ได้การทำการพัฒนาพื้นที่และบูรณะปฏิสังขรเสนาสนะที่ชำรุด
ให้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ ทั้งก่อสร้างกุฏิเพิ่มขึ้นอีก ๒-๓ หลัง ขนาด ๑ ห้องนอน และ
ได้ทำการเปิดสอนปริยัติธรรมไปด้วย ในปีเดียวก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการคณะสงฆ์อำเภอปากพะยูน
พ.ศ.๒๔๙๔ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดหารเทาและได้ไปทำการเปิดโรงเรียนสอนปริยัติธรรมที่วักหัวเตย
ตำบลห้วยลึก อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง
พ.ศ.๒๔๙๗ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งองค์การศึกษาอำเภอปากพะยูน
พ.ศ.๒๔๙๘ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นการศึกษาอำเภอปากพะยูน
พ.ศ.๒๕0๕ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ.๒๕0๘ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอปากพะยูน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น